อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและแนะนำสำหรับผู้ทำฟันปลอม

การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้ดี เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน สำหรับผู้ที่ใส่ฟันปลอมนั้นก็ยิ่งควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำฟันปลอมทั้งปาก หรือใส่ฟันปลอมบางส่วน อุปกรณ์ฟันปลอมควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน รวมถึงการให้ความระมัดระวังเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ที่อาจสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใส่ฟันปลอม หรือส่งผลกระทบทำให้ฟันปลอมแตกหักเสียหายได้

ทำไมการใส่ฟันปลอมบดเคี้ยวอาหาร จึงส่งผลต่อการรับประทานอาหาร

ชุดฟันปลอมของคนไข้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันจากทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อให้มีลักษณะพิเศษที่พอดีกับรูปทรงของเหงือกของคนไข้ มีการกรอแก้ไขหลายครั้ง จนกว่าคนไข้จะสวมใส่ชุดฟันปลอมได้อย่างสบาย และสามารถใช้งานฟันปลอมได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ฟันปลอมทั้งปากมักจะทำมาจากอะคริลิก และฟันปลอมบางส่วนก็ทำมาจากอะคริลิกผสมกับโลหะ

การสวมใส่ฟันปลอมภายในช่องปาก จะเป็นการวางฟันปลอมไว้บนสันเหงือก แล้วใช้แรงดูดเพื่อให้ติดอยู่ในปาก หรืออาจมีตะขอเกี่ยวฟันข้างเคียง เพื่อช่วยในการยึดโยงฟันปลอมเอาไว้ ดังนั้นฟันปลอมอาจขยับหลุดออกมาได้ง่าย หากคนไข้รับประทานอาหารที่มีความเหนียวหรือเคี้ยวยาก ปัจจุบันจึงมีฟันปลอมอีกประเภทหนึ่ง ที่สามารถยึดติดกับโครงสร้างกระดูกภายในช่องปากของคนไข้ได้เสมือนกับฟันจริง ให้ความมั่นคงในการใช้งานได้มากกว่า ทันตแพทย์เรียกการใส่ฟันทดแทนนั้นว่า 'รากฟันเทียม' เนื่องจากขั้นตอนการใส่รากฟันเทียมจะมีการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมยึดติดเข้ากับกระดูกขากรรไกรของคนไข้อย่างถาวร จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการบดเคี้ยวของคนไข้ได้ดีกว่าฟันปลอมมาก

อาหาร 5 ประเภท ที่ผู้ใส่ฟันปลอมควรหลีกเลี่ยง

เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันปลอมขยับหลวมขณะรับประทานอาหาร หรือ ฟันปลอมแตกหัก พังเสียหายได้ง่ายๆ ทันตแพทย์แนะนำผู้ใส่ฟันปลอมควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้ให้มากที่สุด

1. อาหารที่มีลักษณะเหนียว เคี้ยวหนึบ ติดฟันง่าย
   
   อาหารที่มีเนื้อสัมผัสเหนียว เช่น ลูกอม, ทอฟฟี่, ผลไม้แห้ง, เนยถั่ว, กะละแม, ขนมช็อกโกแลต, คาราเมล ฯลฯ เมื่อผู้ใส่ฟันปลอมเคี้ยวอาหารประเภทนี้ อาจทำให้ฟันปลอมหลุดออกมาได้ง่าย หรือเกิดฟันปลอมขยับขณะรับประทานอาหาร ที่สำคัญคืออาหารที่มีลักษณะเหนียวหนืด มักมีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณสูง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคฟันผุในฟันแท้ซี่ข้างเคียง อีกทั้งความเหนียวหนืดของอาหารที่ติดอยู่กับฟันปลอม บางครั้งก็ขจัดออกได้ยาก ทำให้เกิดเศษอาหารสะสมในฟันปลอม เหงือกเกิดความระคายเคือง และมีปัญหาสุขภาพช่องปากตามมาได้
   

2. อาหารที่มีลักษณะแข็ง

   การกัดอาหารแข็งๆ อาจสร้างแรงกดที่ไม่จำเป็นต่อฟันปลอม ส่งผลทำให้ฟันปลอมแตกหรือบิ่นได้ ผู้ใส่ฟันปลอมควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่มีลักษณะแข็ง เช่น เปลือกสัตว์ทะเล, ถั่วเปลือกแข็ง, เมล็ดพืช, แครอทดิบ, ฝักข้าวโพด หรือ กัดกินผลไม้สดที่ยังไม่ได้รับการหั่น เช่น ผลแอปเปิล หรือ ผลสาลี่ ซึ่งผู้ใส่ฟันปลอมจะต้องใช้แรงกัดในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง โดยไม่กระจายอย่างทั่วถึงในปาก อาจทำให้เหงือกได้รับแรงกดจนรู้สึกเจ็บปวดได้

3. เนื้อสัตว์บางประเภท

   เนื้อสัตว์ที่มีความเหนียว เช่น เนื้อหมู, เนื้อสเต็ก หรือ เนื้อสัตว์อื่นๆ ที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยวมาก อาจทำให้ฟันปลอมและเหงือกข้างใต้รับแรงกดทับจนรู้สึกเจ็บขณะกินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้ใส่ฟันปลอมรู้สึกไม่สบายในช่องปาก ควรมีการเตรียมอาหารประเภทนี้อย่างเหมาะสมผ่านวิธีการตุ๋นหรือนึ่ง เพื่อทำให้เนื้อมีความนุ่ม กัดง่าย และหั่นเสิร์ฟแบบพอดีคำ เพื่อลดปริมาณแรงเคี้ยวลง จะช่วยให้ผู้ใส่ฟันปลอมเพลิดเพลินกับอาหารประเภทนี้ได้ โดยไม่ไปเพิ่มแรงกดบนฟันปลอม

4. อาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบสี

   หนึ่งในวิธีการดูแลรักษาฟันปลอมให้อยู่ในสภาพดีเหมือนใหม่อยู่เสมอ คือการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจก่อให้เกิดคราบสีบนฟันปลอม เช่น ไวน์แดง, ชา, กาแฟ, เบอร์รี่ หรือ ซอสรสเข้มข้น อาหารที่มีเม็ดสีเข้มเหล่านี้ มักทิ้งคราบไว้บนฟันปลอมซึ่งไม่สามารถแปรงล้างออกได้ เช่นเดียวกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ สามารถสร้างคราบไว้บนฟันปลอมได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังส่งผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพช่องปาก และสุขภาพโดยรวม

5. ซุป หรือ เครื่องดื่ม ที่มีความร้อนสูง

   ฟันปลอมทำมาจากพลาสติก หรือบางส่วนมีโลหะผสม การรับประทานซุปหรือเครื่องดื่มร้อนๆ อาจทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพได้ง่าย ฟันปลอมสามารถทำหน้าที่เสมือนเป็นฉนวนกันความร้อน ดังนั้นเมื่อดื่มเครื่องดื่มร้อนจัดเข้าไป อาจทำให้ยากต่อการวัดอุณหภูมิความร้อนด้วยตัวเอง โดยเฉพาะผู้ใส่ฟันปลอมทั้งปาก ดังนั้นควรรอให้ซุปหรือเครื่องดื่มร้อนเย็นตัวลงสักเล็กน้อยก่อนดื่ม หรือใช้หลอดดูด เพื่อหลีกเลี่ยงให้ความร้อนจากอาหารสัมผัสกับฟันปลอมโดยตรง

อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและดีสำหรับผู้ใส่ฟันปลอม ได้แก่ อาหารและผลไม้ที่มีความสุกนิ่ม เช่น กล้วย, มะม่วง, ส้ม รวมถึงพืชผักที่ได้รับการนึ่ง ต้ม หรือผัดในกระทะให้มีความสุกนิ่มอย่างสมบูรณ์ เลือกปรุงเนื้อสัตว์ด้วยไฟอ่อน นำไปผ่านกระบวนการตุ๋น หรือสับอย่างละเอียดแล้วนำไปปรุงอาหาร จะช่วยให้สามารถใช้งานฟันปลอมได้อย่างราบรื่น

คำแนะนำในการรับประทานอาหารเหล่านี้ จะช่วยปกป้องสุขภาพช่องปากของผู้ใส่ฟันปลอม ลดความรู้สึกไม่สบายขณะกินอาหาร และช่วยให้ฟันปลอมของคนไข้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ทำฟันปลอมมาแล้วเกิดความคุ้มค่า ดังนั้นคนไข้ที่กำลังใส่ฟันปลอมอยู่ อย่าลืมดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี หมั่นทำความสะอาดเหงือก และล้างฟันปลอมทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร ตลอดจนการเข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายทุกๆ 6 เดือน เพื่อติดตามสุขภาพช่องปาก หรือปรับเปลี่ยนฟันปลอมให้พอดีกับรูปเหงือกของคนไข้อยู่เสมอ

ผู้สนใจทำฟันปลอม หรือต้องการคำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับทางเลือกของการใส่ฟันทดแทนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำสะพานฟัน ฝังรากฟันเทียม หรือ ทำรากฟันเทียมทั้งปาก สามารถเข้ามาพูดคุยกับทันตแพทย์คลินิกทันตกรรมเดนทัลอิมเมจ Dental Image นครสวรรค์ ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทันตแพทย์ทุกท่านพร้อมดูแลสุขภาพฟันและช่องปากของคุณอย่างใส่ใจ ด้วยบริการทางทันตกรรมที่ครบครันทุกรูปแบบในที่เดียว ตอบโจทย์การดูแลช่องปากที่ดีได้อย่างยาวนานตลอดทั้งชีวิตของคุณและคนที่คุณรัก

คลินิกทำฟันนครสวรรค์ Dental Image นครสวรรค์ ดูแลโดยทันตแพทย์สาขารากฟันเทียม และทันตกรรมประดิษฐ์ เรามีแลปทันตกรรมเป็นของตัวเอง ทำให้การควบคุมคุณภาพชิ้นงานนั้นสามารถทำได้อย่างเหนือกว่า คนไข้พึงพอใจกับฟันปลอม รวมถึงเข้ารับบริการทำรากฟันเทียมได้อย่างมั่นใจ กับทีมทันตแพทย์ระดับอาจารย์ คลินิกทันตกรรมเดนทัลอิมเมจ Dental Image นครสวรรค์ ไม่เพียงนำเสนอการทำรากฟันเทียม ราคาเพื่อคนไทย แต่ยังให้บริการทางทันตกรรมครบวงจรด้วยเทคโนโลยีทางทันตกรรมที่ทันสมัยและดีที่สุด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำให้กับทุกการรักษา

มองหาคลินิกทำฟันปลอม ใกล้ฉัน ใส่รากฟันเทียม ราคาเข้าถึงได้ หรือบริการทันตกรรมอื่นๆ ไว้วางใจให้คลินิกทำฟันนครสวรรค์ เดนทัลอิมเมจ Dental Image นครสวรรค์ ให้เราได้ดูแลคุณอย่างใกล้ชิด